การปรับตัวการท่องเที่ยวรับตลาดAEC asean tourism
ในปี 2558 นี้
ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
เราจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคนไทยและภาคธุรกิจทุกแขนง ต้องตื่นตัว
และเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม
ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนด้วยกันให้มากขึ้น เพื่อเป็นการเปิดโลกกว้าง และเป็นจุดเริ่มต้นการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในอนาคต
การเปิดเสรีบริการด้านการท่องเที่ยว
ซึ่งรวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องภายใต้กรอบอาเซียนแต่ขณะเดียวกันก็ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่าแนวโน้มการแข่งขันในอนาคตจะยิ่งทวีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในเมืองไทยด้วยการถือครองสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้น
จากคู่แข่งทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดการให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามแนวโน้มมูลค่าเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนโดย หากจะพิจารณารายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่ผ่านมา สามารถแสดงข้อมูลได้ดังนี้
ที่มา : ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จากข้อมูลข้างต้นรายได้ของประเทศไทยที่มาจากการท่องเที่ยว 592,794 ล้านบาท ในปี 53 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ข้อมูลประมาณการรายได้ในปี
54 ไว้ที่
700,000 ล้านบาท เติบโตในอัตรา 18% ชึ้ให้เห็นถึงศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีแนวโน้มในทิศทางที่ดี
สถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ
จากผลการสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี 2554 ซึ่งเก็บรวบรวมข้อมูล
จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 69 ประเทศ
อันดับที่
|
แหล่งท่องเที่ยว
|
จังหวัด
|
1
|
หมู่เกาะพีพี
|
กระบี่
|
2
|
เกาะเต่า
|
สุราษฎร์ธานี
|
3
|
หาดพัทยา
|
ชลบุรี
|
4
|
อัลคาซาร์
คาบาเรต์
|
ชลบุรี
|
5
|
หาดป่าตอง
|
ภูเก็ต
|
6
|
เกาะเสม็ด
|
ระยอง
|
7
|
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
|
พังงา
|
8
|
ตลาดนัดจตุจักร
|
กรุงเทพฯ
|
9
|
อ่าวมาหยา
|
กระบี่
|
10
|
หาดจอมเทียน
|
ชลบุรี
|
ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จากข้อมูลพบว่า
แหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาตินิยม 10 อันดับแรก
ส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล อันดับที่ 1 คือ หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อันดับที่ 2 เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎรธานี อันดับที่ 3 หาดพัทยา
จังหวัดชลบุรี เป็นต้น
หากจะเปรียบเทียบสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่ม
อาเซียน กับ ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา ท่องเที่ยวในประเทศไทย
ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 54 มีมากกว่า 19 ล้านคน มีอัตราการเติบโตถึง 20% และเป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียน
คิดเป็นร้อยละ 26 และใน ปี 55 (ม.ค.
– เม.ย.) ประเทศไทยยังคงมีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียน คิดเป็นร้อยละ 24 ที่เห็นได้ชัดคือนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
จำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศ ASEAN ที่ให้ความนิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากที่สุด
คือ มาเลเซีย ลาว และ สิงค์โปร ตามลำดับ
และเห็นได้ชัดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวของทุกประเทศที่เข้ามาท่องเที่ยวในปี 2554 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี
2553 ทุกประเทศ
สำหรับสถานการณ์ตลาดภายในประเทศนั้น
ภาคบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยนับว่ามีศักยภาพค่อนข้างสูง
ทั้งในส่วนของความพร้อมในการให้บริการแก่ชาวต่างชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งการเปิดเสรีภาคการท่องเที่ยวน่าจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น
เพื่อเข้ามาใช้บริการโดยเฉพาะด้านโรงแรมที่พักซึ่งเป็นเครือข่ายของบรรดานักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย
อันจะก่อให้เกิดการกระจายรายได้ไปยังกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามมา
ผู้ประกอบการไทยควรเร่งปรับตัวโดยใช้ประโยชน์จากการเป็นอาเซียนเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาด รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยอาศัยจุดแข็งของภาคการท่องเที่ยวของไทยโดยเฉพาะการเป็นที่ยอมรับในด้านการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม
ความมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีของคนไทย การมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ธุรกิจจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
เช่น
ระบบการชำระเงิน
ที่ควรเพิ่มความสะดวกเรื่องการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต
บัตรเงินสดมากขึ้นขณะเดียวกันควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ให้ข้อมูลสนับสนุนการท่องเที่ยวมากขึ้น มีการพัฒนาด้านแอพพลิเคชั่น รวมทั้งเว็บไซต์ เพื่อให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกการจอง รวมทั้งใช้ช่องทางนี้ให้นักท่องเที่ยวได้แบ่งปันประสบการณ์ท่องเที่ยว
ซึ่งที่กล่าวมานั้นถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว
จะนำไปใช้และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้มากยิ่งขึ้น นั่นเอง
โดย ว่าที่ ร.ต.ญ.ณิชานันท์ เอี่ยมเพ็ชร
ความคิดเห็น