วิธีเติมโชคดีให้ชีวิต โดย:กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ท่านผู้อ่านเชื่อเรื่องโชคชะตาราศรีไหมคะ หลายท่านอาจตอบว่าเชื่อ หรือแม้ไม่เชื่อ ก็ไม่ลบหลู่
ดูได้จากคอลัมภ์ดวงชะตาของหนังสือพิมพ์ต่างๆ ซึ่งมักจะมีผู้อ่านมากที่สุด เมื่อเทียบกับข่าวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคม การเมือง ตลอดจนเรื่องปากท้องของสำคัญในชีวิต
วันนี้ขอมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเสริมโชคให้ตนเองในมุมมองของคุณ Jim Collins คนดังผู้เขียนหนังสือเรื่อง Good to Great และคุณ Anthony Tjan ซึ่งกำลังจะตีพิมพ์หนังสือเรื่องเกี่ยวกับคนโชคดีของนักธุรกิจทั่วโลก ว่าเขามีพฤติกรรม “กวัก” โชคอย่างไร ซึ่งจะพิมพ์เผยแพร่โดย Harvard Business Review Press ปลายปีนี้
ทั้งสองทำการศึกษาวิจัยองค์กรและผู้นำที่ประสบความสำเร็จโดดเด่นเป็นที่ริษยาตาร้อนจี๋ของคู่แข่งคู่คี่ที่ตัดพ้อต่อว่าชะตากรรมว่า ทำไมบางคนถึง “โชคดี” ไม่มีที่สิ้นสุด
มีข่าวดีค่ะ
นักวิจัยทั้งสองของเราเขายืนยันว่า ”โชค”ดูเหมือนเลื่อนลอย ลิขิตไม่ได้ จะมาก็มา จะไปก็ไป สำหรับคนส่วนใหญ่ กระนั้นก็ดี ผู้บริหารที่โชคดี เพราะเขาต่างมีพฤติกรรมนำโชคมาสู่ตนอย่างที่คนอื่นก็ทำได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ พฤติกรรมดังกล่าวมี 3 ประเด็นที่เห็นเด่นชัด คือ
1. Humility ความนอบน้อมถ่อมตน คนที่ถ่อมตน คือคนที่รู้จุดอ่อนของตนเอง รู้ว่าฉันไม่ได้เก่งกล้าหาตัวจับยากในทุกเรื่อง จึงพร้อมเปิดใจเรียนรู้ ดูว่าคนอื่นเขาทำและคิดอย่างไร ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสที่จะได้มุมมองใหม่ ได้เพื่อน ได้เครือข่าย ได้พัฒนา และนำมาซึ่ง ”โชคดี” ในที่สุด
ดังนั้น หากอยากไล่โชคดีให้หนีหาย ต้องหมั่นทำตนกร่างทุกย่างก้าวเข้าไว้ ต้องมั่นใจเกินจำเป็น เห็นว่าฉันแน่ ฉันเด่น คนอื่นไม่เป็นสับปะรด ทำได้เช่นนี้ ฟันธงได้ว่า จะแพ้ภัยตัวเองในอนาคตที่กำหนดเอง
2. Intellectual Curiosity กระหายใคร่รู้ คนที่โชคดีต่างมีความอยากได้ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากความถ่อมตน เมื่อเขารู้ว่าเขายังพร่อง เขาย่อมพร้อมที่จะค้นหาและเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
ในยุคที่วิชาความรู้พัฒนาก้าวหน้าอย่างหาขอบเขตมิได้ ใครอยากรู้อะไร สามารถคว้าได้คว้าเอา ไม่มีขีดจำกัด ถือว่าเป็นการเรียนลัดสู่โชคดี โดยไม่สะดุดอัตตาว่าข้าเก่งแล้ว
หากอยากมีแต่โชคร้าย คล้ายๆซวยทั้งปี ขอแสดงความยินดีว่าทำง่ายมากค่ะ
แค่เพียรทำตนเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง รู้แล้วทุกเรื่อง ใครพูดอะไรอย่าฟังเป็นอันขาด เขาบอกว่ามีอะไรใหม่อะไรดี อย่าเชื่อ เบื่อพวกพวกปัญญาคุด
3. Optimism มองโลกในแง่ดี คนที่มองโลกว่าสดใส มีโอกาสให้เสมอ หากยังไม่เจอ ก็พร้อมเสาะแสวงหาต่อ ไม่ท้อ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
สิ่งดีๆมีมากมายรอบกาย มองหา ก็จะมองเห็น
คนมองโลกในแง่ร้าย เหมือนใส่แว่นสีช้ำเลือดช้ำหนอง มองอะไรก็ย่อมเป็นสี..ช้ำเลือดช้ำหนอง จะมองให้เป็นชมพูแจ๋ว ฟ้าจ๋า ท่าจะยาก
สิ่งร้ายๆมีมากมายรอบกาย เฟ้นมองหา ก็จะมองเห็นเช่นเดียวกัน
สรุปว่าเรื่องโชคดี เสริมได้ ไม่ต้องรอให้ใครยื่นให้
แค่ลุกขึ้นมาไขว่คว้า หาเพิ่มเองได้ทุกขณะ เหลือเพียงว่า จะเริ่มเมื่อไหร่เท่านั้นค่ะ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/ceo-blogs/porjai/20110801/402419/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95.html
ดูได้จากคอลัมภ์ดวงชะตาของหนังสือพิมพ์ต่างๆ ซึ่งมักจะมีผู้อ่านมากที่สุด เมื่อเทียบกับข่าวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสังคม การเมือง ตลอดจนเรื่องปากท้องของสำคัญในชีวิต
วันนี้ขอมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับการเสริมโชคให้ตนเองในมุมมองของคุณ Jim Collins คนดังผู้เขียนหนังสือเรื่อง Good to Great และคุณ Anthony Tjan ซึ่งกำลังจะตีพิมพ์หนังสือเรื่องเกี่ยวกับคนโชคดีของนักธุรกิจทั่วโลก ว่าเขามีพฤติกรรม “กวัก” โชคอย่างไร ซึ่งจะพิมพ์เผยแพร่โดย Harvard Business Review Press ปลายปีนี้
ทั้งสองทำการศึกษาวิจัยองค์กรและผู้นำที่ประสบความสำเร็จโดดเด่นเป็นที่ริษยาตาร้อนจี๋ของคู่แข่งคู่คี่ที่ตัดพ้อต่อว่าชะตากรรมว่า ทำไมบางคนถึง “โชคดี” ไม่มีที่สิ้นสุด
มีข่าวดีค่ะ
นักวิจัยทั้งสองของเราเขายืนยันว่า ”โชค”ดูเหมือนเลื่อนลอย ลิขิตไม่ได้ จะมาก็มา จะไปก็ไป สำหรับคนส่วนใหญ่ กระนั้นก็ดี ผู้บริหารที่โชคดี เพราะเขาต่างมีพฤติกรรมนำโชคมาสู่ตนอย่างที่คนอื่นก็ทำได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ พฤติกรรมดังกล่าวมี 3 ประเด็นที่เห็นเด่นชัด คือ
1. Humility ความนอบน้อมถ่อมตน คนที่ถ่อมตน คือคนที่รู้จุดอ่อนของตนเอง รู้ว่าฉันไม่ได้เก่งกล้าหาตัวจับยากในทุกเรื่อง จึงพร้อมเปิดใจเรียนรู้ ดูว่าคนอื่นเขาทำและคิดอย่างไร ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสที่จะได้มุมมองใหม่ ได้เพื่อน ได้เครือข่าย ได้พัฒนา และนำมาซึ่ง ”โชคดี” ในที่สุด
ดังนั้น หากอยากไล่โชคดีให้หนีหาย ต้องหมั่นทำตนกร่างทุกย่างก้าวเข้าไว้ ต้องมั่นใจเกินจำเป็น เห็นว่าฉันแน่ ฉันเด่น คนอื่นไม่เป็นสับปะรด ทำได้เช่นนี้ ฟันธงได้ว่า จะแพ้ภัยตัวเองในอนาคตที่กำหนดเอง
2. Intellectual Curiosity กระหายใคร่รู้ คนที่โชคดีต่างมีความอยากได้ความรู้ใหม่ๆ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากความถ่อมตน เมื่อเขารู้ว่าเขายังพร่อง เขาย่อมพร้อมที่จะค้นหาและเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด
ในยุคที่วิชาความรู้พัฒนาก้าวหน้าอย่างหาขอบเขตมิได้ ใครอยากรู้อะไร สามารถคว้าได้คว้าเอา ไม่มีขีดจำกัด ถือว่าเป็นการเรียนลัดสู่โชคดี โดยไม่สะดุดอัตตาว่าข้าเก่งแล้ว
หากอยากมีแต่โชคร้าย คล้ายๆซวยทั้งปี ขอแสดงความยินดีว่าทำง่ายมากค่ะ
แค่เพียรทำตนเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง รู้แล้วทุกเรื่อง ใครพูดอะไรอย่าฟังเป็นอันขาด เขาบอกว่ามีอะไรใหม่อะไรดี อย่าเชื่อ เบื่อพวกพวกปัญญาคุด
3. Optimism มองโลกในแง่ดี คนที่มองโลกว่าสดใส มีโอกาสให้เสมอ หากยังไม่เจอ ก็พร้อมเสาะแสวงหาต่อ ไม่ท้อ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
สิ่งดีๆมีมากมายรอบกาย มองหา ก็จะมองเห็น
คนมองโลกในแง่ร้าย เหมือนใส่แว่นสีช้ำเลือดช้ำหนอง มองอะไรก็ย่อมเป็นสี..ช้ำเลือดช้ำหนอง จะมองให้เป็นชมพูแจ๋ว ฟ้าจ๋า ท่าจะยาก
สิ่งร้ายๆมีมากมายรอบกาย เฟ้นมองหา ก็จะมองเห็นเช่นเดียวกัน
สรุปว่าเรื่องโชคดี เสริมได้ ไม่ต้องรอให้ใครยื่นให้
แค่ลุกขึ้นมาไขว่คว้า หาเพิ่มเองได้ทุกขณะ เหลือเพียงว่า จะเริ่มเมื่อไหร่เท่านั้นค่ะ
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/ceo-blogs/porjai/20110801/402419/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95.html
ความคิดเห็น