KBank ReBranding to KASIKORNTHAI สุขภาพที่ดี ต้องเริ่มต้นที่ดีจากภายในสู่ภายนอก แบรนด์ที่ดีก็เช่นกัน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา ได้ฟังบรรยายพิเศษ โดย คุณบัณฑูร ล่ำซำ หรือ คุณปั้น CEO KBank (หนึ่งในบุคคลที่ผมเคารพและนับถือที่สุด ตั้งแต่ก่อนเข้าทำงานที่ธนาคารกสิกรไทย) นัดหมายให้ผู้บริหารทุกคนและพนักงานทุกคนร่วมฟังบรรยายพิเศษ ตอนช่วง 10 โมงเช้า
วันนั้นพนักงานทุกคนมาทำงาน ก็ได้ระเบิดยิ้มกันทุกคนเพราะว่า ก่อนเริ่มงานในวันนั้น พนักงานทุกคนมาที่โต๊ะทำงาน ก็ได้เจอเซอร์ไพรส์ แอปเปิ้ลยิ้มสีเขียว กับการ์ดใบเล็กๆวางบนโต๊ะทำงานของทุกคน
เป็นการระเบิดยิ้มให้กันที่ได้ผลมากๆ พนักงานเกือบ20,000 คนทั่วประเทศ ได้รับสิ่งนี้พร้อมๆกันแบบไม่มีใครรู้ล่วงหน้ามาก่อน ต่างพากันถ่ายภาพโพสลงเต็ม Timeline กันไปหมดใครยังไม่ถึงออฟฟิตก็รีบอยากมาดูด้วยตัวเอง
ย้อนไปก่อนหน้านี้พนักงานทุกคนสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 ตุลาคม เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ก่อนหน้านั้นมีสื่อต่างๆวางไว้เต็มสำนักงานใหญ่
ดังนั้นพอได้เวลา 10 โมง เกือบทุกคนหยุดพักงาน มาดูการถ่ายทอดสด เป็นเหมือน Talk show เล็กๆคุณปั้นเดินขึ้นเวทีด้วยการแต่งตัวที่แปลกตาไป กับการถ่ายทอดสดในธนาคารที่คุณปั้นมักใส่สูท ผูกไทด์ ไม่สีเขียวก็แดง แต่วันนี้มาในเสื้อเชิ๊ตขาว ไม่มีเนคไท
คุณปั้นเล่าประวัติของธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ยุคเปิดธนาคาร ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤติอะไรมาบ้าง
ภาพผู้บริหารยุคแรกในวันเปิดสาขา 8 มิถุนายน พ.ศ. 2488 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และพนักงานชุดแรกเริ่มเพียง 21 คน
ภาพถ่ายวันแรกหน้าอาคารซึ่งเป็นสาขาสำนักถนนเสือป่าในปัจจุบันเป็นที่ทำการแห่งแรก การดำเนินงานของธนาคารประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพียง 6 เดือนหรือเพียงงวดบัญชีแรกที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 มียอดเงินฝากสูงถึง 12 ล้านบาท มีสินทรัพย์ 15 ล้านบาท
ประวัติของ LOGO ธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ ตัวแรกที่เป็น อักษร ธกท แล้วเริ่มมีรวงข้าว จนกระทั่งยุคที่คุณพ่อคุณปั้นได้ทำการเปลี่ยน Logo เป็นสัญลักษณ์รวงข้าว มีสีเขียวสีเหลืองทอง
จนต่อจากนั้น คุณปั้น เข้ามาบริหารมีการปรับมาเรื่อยๆ จนช่วงหลังวิกฤติปี 40 ก็ได้เติมวงกลมสีแดงเข้าไปเพื่อเป็นตามหลักฮวงจุ้ย ให้มีพลังปกป้อง และก็มีสายน้ำใต้รวงข้าวเพื่อให้แข็งแรงมั่นคงเติบโตต่อไป
จากจุดที่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ธนาคารกสิกรไทยเติบโตอย่างมั่นคง ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 มีทุนจดทะเบียน 30,486 ล้านบาท
มีสินทรัพย์จำนวน 2,225,152 ล้านบาท เงินรับฝากจำนวน 1,467,058 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อจำนวน 1,390,135 ล้านบาท
ปี 2516 เป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการบัตรเครดิต ในชื่อว่า บัตรเครดิตอเนกประสงค์
ปี 2536 ริเริ่มนำระบบรีเอ็นจิเนียริ่ง (Reengineering) มาใช้เป็นธนาคารแรก ซึ่งได้สร้างการตื่นตัวให้วงการธนาคารพาณิชย์ไทยในการปรับปรุงรูปแบบสาขา และการให้บริการ
ปี 2546 เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจาก Thai famer bank เป็น Kasikorn Bank ใช้ชื่อย่อว่า KBank
ปี 2548 เป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรก ที่สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้แนวนโยบายการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรในทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้า โดยการดำเนินธุรกิจในรูป เครือธนาคารกสิกรไทย หรือ KASIKORN BANKGROUP และสัญลักษณ์ K Excellence (โดยมี 6 บริษัท ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย บริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด)
ปี 2550 {มีพนักงาน ชื่อวีระ เจียรนัยพานิชย์ เข้ามาเริ่มทำงาน ( คุณปั้นไม่ได้กล่าวไว้ ^_^ )} เป็นปีที่สร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ “K Now” ให้บริการคำปรึกษาและสร้างองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้าทุกระดับ ทำให้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคล สะดวก สบาย สมบูรณ์ เป็น “ชีวิตเอกเขนก” และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ มีธุรกิจที่เติบโต แข็งแกร่ง ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนเป็น “ธุรกิจไร้ขีดจำกัด”
ปี 2553 "ฝากได้ทุกเรื่อง"
จนปัจจุบันปี 2556 ธนาคารกสิกรไทยมีสาขาและสำนักงานย่อยในประเทศ จำนวน 897 สาขา แบ่งเป็นเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 301 สาขา และส่วนภูมิภาคจำนวน 596 สาขา
มีสาขาและสำนักงานตัวแทนต่างประเทศจำนวน 10 แห่ง (ดูเพิ่มเติม)
คุณปั้นกล่าวว่า คำขวัญของธนาคารที่ว่า “บริการทุกระดับประทับใจ” ถูกใช้มาตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง และยังคงเป็นคำขวัญที่ยึดถึือมาจนถึงทุกวันนี้ ยังคงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน แม้ Logo จะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่คำว่า บริการทุกระดับประทับใจ ยังคงอยู่แม้จะ หลบไปมุมบ้าง กลางบ้าง ตามแต่สไตล์ผู้บริหารด้านการตลาดในแต่ละช่วง แต่ก็ยังใช้คำนี้อยู่ และคิดว่าเป็นคำขวัญภาษาไทยที่ดีที่สุด(ฮา)
และมีการปรับ LOGO อีกเล็กน้อย ไม่ใช้ K Excellence แต่จะใช้เป็น Kasikornthai แทนเพื่อให้คนจดจำชื่อได้ง่ายขึ้น
การผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการแข่งขันมาได้ทุกวันนี้เพราะเรามีพนักงานที่เก่ง มีผู้บริหารที่บี้เป้าเก่ง คุณปั้นก็เลือกที่จะเอ่ยชื่อ พี่มด ปกรณ์ ทำเอาทุกคนฮา กันทั้งห้อง
มีคนดูแลทั้งความเสี่ยง การบริหารเงิน ผมเป็นผู้บริหารก็แค่ดูภาพรวม แต่ถ้าวันไหน คนดูความเสี่ยง กับคนดูเรื่องบริหารเงินเดินเข้ามาขอพบพร้อมกัน อันนี้ผมคงตกใจมา (ฮา)
พนักงานเกือบสองหมื่นคน มันก็ต้องมีบ้างที่ทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาของการมีคนเก่งเยอะๆ แต่ก็อยากให้พนักงานทุกคนมีความสุข เพราะหากเราไม่มีความสุข คงไม่สามารถ บริการทุกระดับประทับใจ ได้
คุณปั้น ได้สื่อถึงการจะสร้าง บริการทุกระดับประทับใจ ได้ ต้องสร้างความสุขให้กับพนักงานทุกคนในการทำงานให้ได้ก่อน ต้องเริ่มที่ตัวเรา อยากให้ทุกคน "ยิ้ม" ให้แก่กัน จึงเริ่มต้นโครงการ จากยิ้มน้อยให้กลายเป็นยิ้มใหญ่
หลังจากผ่านการบรรยายแล้ว รู้สึกได้ชัดเจนถึงการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพียงแค่เป็นโครงการประชาสัมพันธ์ หรือการโฆษณาแต่อย่างเดียว เพราะการทุ่มทุนทั้งหมดทำเพื่อให้พนักงานรับทราบเท่านั้น และส่ิงที่เปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างตามๆมา ล้วนแล้วแต่มีการปรับตัวขององค์กรเพื่อให้พนักงานธนาคารกสิกรไทยทุกคน มีรอยยิ้ม ทำงานอย่างมีความสุข และส่งมอบบริการแบบ บริการทุกระดับประทับใจ สู่ลูกค้า
การแต่งกายของพนักงานจากที่บังคับ ผู้ชายใส่ไทด์ ผู้หญิงห้ามใส่กางเกงหากใส่ต้องใส่กับสูท
ผู้บริหารยังบอกเรื่อง การปรับปรุงเรื่องสวัสดิการพนักงาน ค่าน้ำมัน หรืออะไรหลายๆอย่างที่พนักงานรู้สึกไม่สบายใจก็ได้รับการปรับเปลี่ยน
และที่น่ารักที่สุดเรื่องหนึ่งคือ การตั้งผู้บริหารกลุ่มหนึ่งขึ้นมาเป็น
MV ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ โดย ศูนย์อำนวยการยิ้ม
อะไรที่ทำให้พนักงานกสิกรไทยยิ้มได้ เป็นอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์แบบเข้าถึงหัวใจพนักงาน งานนี้ผู้บริหารรับทราบแล้ว(จริงมั๊ยครับ)
นี่นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ ที่ได้อยุ่ร่วมกับการสร้าง วัฒนธรรมองค์กร แบบใหม่ที่ มุ่งเน้นการสร้างคนให้ดี เพื่อที่จะไปสร้างบริการที่ดีต่อลูกค้า
จากนี้ไปเรามาร่วมติดตาม โครงการ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นี้ไปด้วยกันเพื่อ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การสร้างแบรนด์ของไทย ที่จะเร่ิมต้นจากสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง จากภายในสู่ภายนอก
วันนั้นพนักงานทุกคนมาทำงาน ก็ได้ระเบิดยิ้มกันทุกคนเพราะว่า ก่อนเริ่มงานในวันนั้น พนักงานทุกคนมาที่โต๊ะทำงาน ก็ได้เจอเซอร์ไพรส์ แอปเปิ้ลยิ้มสีเขียว กับการ์ดใบเล็กๆวางบนโต๊ะทำงานของทุกคน
ปั้นยิ้มให้คุณ
ความสำเร็จ ของ กสิกรไทย
เริ่มต้นจากรอยยิ้มเล็กๆ ของพวกเราทุกคน
เป็นการระเบิดยิ้มให้กันที่ได้ผลมากๆ พนักงานเกือบ20,000 คนทั่วประเทศ ได้รับสิ่งนี้พร้อมๆกันแบบไม่มีใครรู้ล่วงหน้ามาก่อน ต่างพากันถ่ายภาพโพสลงเต็ม Timeline กันไปหมดใครยังไม่ถึงออฟฟิตก็รีบอยากมาดูด้วยตัวเอง
ย้อนไปก่อนหน้านี้พนักงานทุกคนสงสัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันที่ 4 ตุลาคม เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ก่อนหน้านั้นมีสื่อต่างๆวางไว้เต็มสำนักงานใหญ่
ดังนั้นพอได้เวลา 10 โมง เกือบทุกคนหยุดพักงาน มาดูการถ่ายทอดสด เป็นเหมือน Talk show เล็กๆคุณปั้นเดินขึ้นเวทีด้วยการแต่งตัวที่แปลกตาไป กับการถ่ายทอดสดในธนาคารที่คุณปั้นมักใส่สูท ผูกไทด์ ไม่สีเขียวก็แดง แต่วันนี้มาในเสื้อเชิ๊ตขาว ไม่มีเนคไท
คุณปั้นเล่าประวัติของธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ยุคเปิดธนาคาร ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤติอะไรมาบ้าง
ภาพผู้บริหารยุคแรกในวันเปิดสาขา 8 มิถุนายน พ.ศ. 2488 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และพนักงานชุดแรกเริ่มเพียง 21 คน
ภาพถ่ายวันแรกหน้าอาคารซึ่งเป็นสาขาสำนักถนนเสือป่าในปัจจุบันเป็นที่ทำการแห่งแรก การดำเนินงานของธนาคารประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพียง 6 เดือนหรือเพียงงวดบัญชีแรกที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2488 มียอดเงินฝากสูงถึง 12 ล้านบาท มีสินทรัพย์ 15 ล้านบาท
ประวัติของ LOGO ธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ ตัวแรกที่เป็น อักษร ธกท แล้วเริ่มมีรวงข้าว จนกระทั่งยุคที่คุณพ่อคุณปั้นได้ทำการเปลี่ยน Logo เป็นสัญลักษณ์รวงข้าว มีสีเขียวสีเหลืองทอง
จนต่อจากนั้น คุณปั้น เข้ามาบริหารมีการปรับมาเรื่อยๆ จนช่วงหลังวิกฤติปี 40 ก็ได้เติมวงกลมสีแดงเข้าไปเพื่อเป็นตามหลักฮวงจุ้ย ให้มีพลังปกป้อง และก็มีสายน้ำใต้รวงข้าวเพื่อให้แข็งแรงมั่นคงเติบโตต่อไป
ตราสัญลักษณ์ ธนาคารกสิกรไทย |
จากจุดที่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ธนาคารกสิกรไทยเติบโตอย่างมั่นคง ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 มีทุนจดทะเบียน 30,486 ล้านบาท
มีสินทรัพย์จำนวน 2,225,152 ล้านบาท เงินรับฝากจำนวน 1,467,058 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อจำนวน 1,390,135 ล้านบาท
ปี 2516 เป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการบัตรเครดิต ในชื่อว่า บัตรเครดิตอเนกประสงค์
ปี 2536 ริเริ่มนำระบบรีเอ็นจิเนียริ่ง (Reengineering) มาใช้เป็นธนาคารแรก ซึ่งได้สร้างการตื่นตัวให้วงการธนาคารพาณิชย์ไทยในการปรับปรุงรูปแบบสาขา และการให้บริการ
ปี 2546 เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจาก Thai famer bank เป็น Kasikorn Bank ใช้ชื่อย่อว่า KBank
ปี 2548 เป็นธนาคารพาณิชย์ไทยแห่งแรก ที่สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้แนวนโยบายการให้บริการทางการเงินที่ครบวงจรในทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้า โดยการดำเนินธุรกิจในรูป เครือธนาคารกสิกรไทย หรือ KASIKORN BANKGROUP และสัญลักษณ์ K Excellence (โดยมี 6 บริษัท ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย บริษัท แฟคเตอริ่งกสิกรไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด)
ปี 2550 {มีพนักงาน ชื่อวีระ เจียรนัยพานิชย์ เข้ามาเริ่มทำงาน ( คุณปั้นไม่ได้กล่าวไว้ ^_^ )} เป็นปีที่สร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ “K Now” ให้บริการคำปรึกษาและสร้างองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ แก่ลูกค้าทุกระดับ ทำให้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคล สะดวก สบาย สมบูรณ์ เป็น “ชีวิตเอกเขนก” และกลุ่มลูกค้าธุรกิจ มีธุรกิจที่เติบโต แข็งแกร่ง ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนเป็น “ธุรกิจไร้ขีดจำกัด”
ภาพจาก Positioning |
จนปัจจุบันปี 2556 ธนาคารกสิกรไทยมีสาขาและสำนักงานย่อยในประเทศ จำนวน 897 สาขา แบ่งเป็นเขตกรุงเทพมหานครจำนวน 301 สาขา และส่วนภูมิภาคจำนวน 596 สาขา
มีสาขาและสำนักงานตัวแทนต่างประเทศจำนวน 10 แห่ง (ดูเพิ่มเติม)
คุณปั้นกล่าวว่า คำขวัญของธนาคารที่ว่า “บริการทุกระดับประทับใจ” ถูกใช้มาตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง และยังคงเป็นคำขวัญที่ยึดถึือมาจนถึงทุกวันนี้ ยังคงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน แม้ Logo จะมีเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่คำว่า บริการทุกระดับประทับใจ ยังคงอยู่แม้จะ หลบไปมุมบ้าง กลางบ้าง ตามแต่สไตล์ผู้บริหารด้านการตลาดในแต่ละช่วง แต่ก็ยังใช้คำนี้อยู่ และคิดว่าเป็นคำขวัญภาษาไทยที่ดีที่สุด(ฮา)
และมีการปรับ LOGO อีกเล็กน้อย ไม่ใช้ K Excellence แต่จะใช้เป็น Kasikornthai แทนเพื่อให้คนจดจำชื่อได้ง่ายขึ้น
การผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการแข่งขันมาได้ทุกวันนี้เพราะเรามีพนักงานที่เก่ง มีผู้บริหารที่บี้เป้าเก่ง คุณปั้นก็เลือกที่จะเอ่ยชื่อ พี่มด ปกรณ์ ทำเอาทุกคนฮา กันทั้งห้อง
มีคนดูแลทั้งความเสี่ยง การบริหารเงิน ผมเป็นผู้บริหารก็แค่ดูภาพรวม แต่ถ้าวันไหน คนดูความเสี่ยง กับคนดูเรื่องบริหารเงินเดินเข้ามาขอพบพร้อมกัน อันนี้ผมคงตกใจมา (ฮา)
พนักงานเกือบสองหมื่นคน มันก็ต้องมีบ้างที่ทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาของการมีคนเก่งเยอะๆ แต่ก็อยากให้พนักงานทุกคนมีความสุข เพราะหากเราไม่มีความสุข คงไม่สามารถ บริการทุกระดับประทับใจ ได้
คุณปั้น ได้สื่อถึงการจะสร้าง บริการทุกระดับประทับใจ ได้ ต้องสร้างความสุขให้กับพนักงานทุกคนในการทำงานให้ได้ก่อน ต้องเริ่มที่ตัวเรา อยากให้ทุกคน "ยิ้ม" ให้แก่กัน จึงเริ่มต้นโครงการ จากยิ้มน้อยให้กลายเป็นยิ้มใหญ่
หลังจากผ่านการบรรยายแล้ว รู้สึกได้ชัดเจนถึงการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่ได้ทำเพียงแค่เป็นโครงการประชาสัมพันธ์ หรือการโฆษณาแต่อย่างเดียว เพราะการทุ่มทุนทั้งหมดทำเพื่อให้พนักงานรับทราบเท่านั้น และส่ิงที่เปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่างตามๆมา ล้วนแล้วแต่มีการปรับตัวขององค์กรเพื่อให้พนักงานธนาคารกสิกรไทยทุกคน มีรอยยิ้ม ทำงานอย่างมีความสุข และส่งมอบบริการแบบ บริการทุกระดับประทับใจ สู่ลูกค้า
การแต่งกายของพนักงานจากที่บังคับ ผู้ชายใส่ไทด์ ผู้หญิงห้ามใส่กางเกงหากใส่ต้องใส่กับสูท
ผู้บริหารยังบอกเรื่อง การปรับปรุงเรื่องสวัสดิการพนักงาน ค่าน้ำมัน หรืออะไรหลายๆอย่างที่พนักงานรู้สึกไม่สบายใจก็ได้รับการปรับเปลี่ยน
และที่น่ารักที่สุดเรื่องหนึ่งคือ การตั้งผู้บริหารกลุ่มหนึ่งขึ้นมาเป็น
ศูนย์อำนวยการยิ้ม
เป็นเสมือนการสร้าง Commitment ต่อพนักงานว่าพี่ๆผู้บริหารเหล่านี้จะไม่ดุแล้ว (ฮา) หวังว่าจะเป็นจริงนะครับ ^_^
อะไรที่ทำให้พนักงานกสิกรไทยยิ้มได้ เป็นอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์แบบเข้าถึงหัวใจพนักงาน งานนี้ผู้บริหารรับทราบแล้ว(จริงมั๊ยครับ)
นี่นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ ที่ได้อยุ่ร่วมกับการสร้าง วัฒนธรรมองค์กร แบบใหม่ที่ มุ่งเน้นการสร้างคนให้ดี เพื่อที่จะไปสร้างบริการที่ดีต่อลูกค้า
สโลแกน บริการทุกระดับประทับใจ จะเป็นไปไม่ได้หากไม่ได้รับการบริการที่ดีจากพนักงานด้วยรอยยิ้ม ดังนั้นการปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการสร้างวัฒนธรรมการ "ยิ้ม" ให้กันของ ธนาคารกสิกรไทย น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาแบรนด์ KASIKORNTHAI เพื่อให้เข้าไปอยู่ในหัวใจลูกค้า
แบรนด์ ไม่ใช่สิ่งที่องค์กรสื่อสารออกไป แต่แบรนด์คือสิ่งที่ลูกค้ารู้สึก
จากนี้ไปเรามาร่วมติดตาม โครงการ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ นี้ไปด้วยกันเพื่อ นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์การสร้างแบรนด์ของไทย ที่จะเร่ิมต้นจากสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง จากภายในสู่ภายนอก
ความคิดเห็น