6 มาตรการช่วยเหลือ SME ปัญหาค่าแรง 300 บาท อยากบอกรัฐบาลว่าเลื่อนง่ายกว่ามั๊ย

การประกาศวิสัยทัศน์ และดำเนินการตามเป้าหมายเป็นหน้าที่สำคัญของผู้นำ(ตามตำรา) แต่ในการปฎิบัติจริง หากวิสัยทัศน์นั้นไม่เข้ากับวัฒนธรรมหรือเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงผู้นำที่ดีต้องกล้าตัดสินใจปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม หาใช่ดิ้นรนดื้อดึง ดำเนินการไปแก้ไขไป จะเดือดร้อนกันทั้งประเทศ
ล่าสุดกับเรื่อง "ค่าแรง300บาท"  นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ที่จะมีการประกาศขึ้นราคาค่าจ้างขั้นต่ำ วันละ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป ใน 70 จังหวัดที่เหลือ ภายหลังมีการปรับไปแล้วใน 7 จังหวัดนำร่อง เมื่อเมษายน 2555 พร้อมกันนี้ยังมอบให้คณะกรรมการค่าจ้าง พิจารณาดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้ กับภาคเอกชน รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ซึ่งประกอบด้วย 6 ประเภทมาตรการใหญ่ และ 27 มาตรการย่อย ดังนี้



1.มาตรการลดภาระต้นทุนจากค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น เช่น การลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมของฝ่ายนายจ้าง-ลูกจ้าง, การจัดตั้งกองทุนการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นให้ผู้ประกอบ การ, การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นต้น

2.มาตรการยกระดับผลิตภาพแรงงาน อาทิ การนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ตาม พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545 มาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า เฉพาะผู้ประกอบการ SMEs, การให้กู้ยืมเงินกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 เพื่อใช้ในการฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

3.มาตรการทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง อาทิ สินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน สำหรับเป็นทุนหมุนเวียนในกิจการเสริมสร้างสภาพคล่องสถานประกอบการ และเพิ่มผลผลิตแรงงาน, สินเชื่อเพื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต เป็นต้น

4.มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของ SMEs อาทิ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, การหักค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร เป็นต้น

5.มาตรการเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการผ่านการใช้จ่ายภาครัฐ เช่น การปรับเพิ่มอัตราค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมสัมมนาของส่วนราชการ, การหาตลาด/เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการ SMEs เป็นต้น

6.มาตรการช่วยลดค่าครองชีพให้ลูกจ้างและประชาชนทั่วไป เช่น การออกบัตรลดราคาสินค้าให้ลูกจ้าง การลดภาระหนี้สินนอกระบบ และการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น

จากที่สัมผัสเอสเอ็มอีมานาน เชื่อมั่นว่า SME รายใหญ่ได้รับผลกระทบรุนแรงแน่นอนเพียงแต่เค้าจะเลือกจัดการกับปัญหาอย่างไรและมีเวลาเพียงพอหรือไม่
ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารซาบีน่า เค้าบอกต้นทุนค่าแรงเพิ่มเดือนละ 8 ล้าน หากเริ่มใช้ค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ แต่ก็เห็นวิกฤติเป็นโอกาสในการปรับปรุงกระบวนการทำงาน ไม่ได้ลดคนแต่เพิ่มประสิทธิภาพของคน และพัฒนาตลาด  จากหนึ่งสายการผลิตชุดชั้นในใช้คน 20กว่าคน ลดลงเหลือ 18 คนต่อสายการผลิต แต่ก็ไม่ทิ้งคนแต่สามารถเพิ่มสายการผลิตได้ เมื่อมีกำลังการผลิตที่มากขึ้น ก็สามารถผลิตได้มากขึ้น แต่ด้วยค่าแรงที่สูงซาบีน่าจึงมุ่งเน้นในการพัฒนาตลาดสร้างแบรนด์ทำสินค้าในตลาดที่สร้างมูลค่าได้สูง แทนที่จะเป็น OEM กลับมุ้งเน้นไปที่การสร้างแบรนด์

จะเห็นได้ว่าการแก้ปัญหาแบบนี้เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ไม่ใช่การนั่งรอรับมาตรการช่วยเหลือจากรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการแบบใส่ท่ออ๊อกซิเจน ถอดเมื่อไหร่ก็ตาย เพราะไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น การนำภาษีประชาชนมาเยียวยาลักษณะนี้อาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก

สู้ยอมกลืนน้ำลาย เลื่อนการใช้ออกไป(ไม่ใช่ให้เลิก) และส่งเสริมการปรับปรุงอย่างจริงจัง ทั้งด้านProductivity และ Marketing หรือปรับปรุงไปถึง BusinessModel ที่มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรม น่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องกว่า

Update พอดีได้มีโอกาสฟัง ceo vision เห็นว่าเป็นแนวทางเดียวกันเลยขอรวบรวมไว้ในนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลดหนังสือมานี มานะ ไฟล์ PDF ฟรี ขอบคุณ (ครูเชียงรายดอทเน็ต www.kruchiangrai.net)

รวมมุกขำขำ มุกตลก มุกงานเลี้ยง มุกพิธีกร

รับชำระเงินด้วย อาลีเพย์ (Alipay) และ วีแชทเพย์ (WeChat Pay) ทำยังไง