@oweera

CRM คืออะไร? ทำไม CRM จึงสำคัญสำหรับธุรกิจ SME? วิธีการนำ CRM มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ SME ตัวอย่างการนำ CRM มาใช้ในธุรกิจ SME สรุป CRM คืออะไร? CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management หมายถึง กลยุทธ์และเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ครอบคลุมตั้งแต่การดึงดูดลูกค้าใหม่ การรักษาฐานลูกค้าเก่า ไปจนถึงการเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า  จากนิยามความหมายของ CRM นี้แปลว่าเราจะต้องมีลูกค้าก่อน เพื่อที่จะมาบริหารความสัมพันธ์​ บริหารข้อมูล ซึ่งพอบริหารข้อมูลลูกค้าได้ดี จะสามารถออกแบบสินค้า บริการ และกระบวนการ การขายได้เพิ่มยอดขายได้ดีขึ้นนั่นเอง ทำไม CRM จึงสำคัญสำหรับธุรกิจ SME? เพิ่มประสิทธิภาพการขาย: CRM ช่วยให้จัดการข้อมูลลูกค้า ติดตามงานขาย วิเคราะห์โอกาส และปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาฐานลูกค้า: CRM ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า มอบประสบการณ์ที่ดี และสร้างความพึงพอใจจนเกิดการซื้อซ้ำ เพิ่มยอดขาย: CRM ช่วยให้วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า นำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ และเพิ่มโอกาสในการขาย ลดต้นทุน: CRM ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนที่ยุ

ถ้าต้องทำการตลาดเองอยู่แล้วจะเอาตัวเองอยู่ในช่องทางเดียวไปทำไม หากเราคือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าให้กับผู้บริโภค สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ช่องทางการจัดจำหน่าย แม้หลายๆคนจะเห็นว่าการขายสินค้าผ่านทางการตลาดออนไลน์จะเติบโต และเป็นที่นิยม  7-Eleven ยังมีมูลค่าการขายสูงสุด ปี 2566 คาดว่าจะมียอดขาย 450,000,000,000 บาท ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด  https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1107284 ยอดขาย Lazada 2565 เท่ากับ 20,675,000,000 บาท ยอดขาย Shopee 2565 เท่ากนับ 21,709,000,000 บาท ห้างสรรพสินค้ายังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจไทย TikTok เริ่มมีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีก Lotus อยู่ในอันดับ 7 ของธุรกิจค้าปลีกที่มีมูลค่าการขายสูงสุด 7-Eleven มีจำนวนสาขามากกว่า Lazada, Shopee, Central, TikTok และ Lotus Lazada และ Shopee มีสินค้าหลากหลายมากกว่า 7-Eleven, Central, TikTok และ Lotus Central มีสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า Lazada, Shopee, 7-Eleven, TikTok และ Lotus ผู้บริโภคไทยมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป นิยมซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจค้าปลีกต้องปรับตัวให้เข้ากับย

 100 "pain points" 1. ไม่สามารถต้านทานอาหารจุกจิกได้ 2. รู้สึกหิวตลอดเวลา 3. การลดน้ำหนักช้าเกินไป 4. รู้สึกอ่อนล้าและไม่มีพลังงาน 5. ไม่มีเวลาออกกำลังกาย 6. อาหารเพื่อสุขภาพดูน่าเบื่อ 7. ความเครียดจากการควบคุมน้ำหนัก 8. ไม่มั่นใจในการออกกำลังกายที่ฟิตเนส 9. การลดน้ำหนักทำให้รู้สึกแย่กับตัวเอง 10. ปัญหาการนอนหลับที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนัก 11. ความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้นหลังออกกำลังกาย 12. ความสับสนเกี่ยวกับข้อมูลการลดน้ำหนัก 13. ความกดดันจากสังคมให้มีหุ่นดี 14. การติดอาหารหวานและขนม 15. ความผิดหวังจากการเห็นผลช้า 16. ความรู้สึกละทิ้งความสนุกจากอาหาร 17. ค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารสุขภาพ 18. อาหารเพื่อสุขภาพไม่อร่อยเท่าอาหารทั่วไป 19. การจัดการกับความอยากอาหารในเวลากลางคืน 20. การหาเวลาเตรียมอาหารที่เหมาะสม 21. ความเบื่อหน่ายในการทานอาหารซ้ำๆ 22. การไม่สามารถควบคุมปริมาณอาหารได้ 23. การจัดการกับความคิดเชิงลบเกี่ยวกับตัวเอง 24. ความกังวลเกี่ยวกับความผิดพลาดและการกลับไปมีน้ำหนักเดิม 25. การรักษาน้ำหนักหลังจากลดสำเร็จ 26. การจัดการกับความหิวทางอารมณ์ 27. การลดน้ำหนักไม่สม่ำเสมอ 28. ความอ

รีบสมัครด่วนก่อน29กุมภาพันธ์  https://bit.ly/3vDeT3S   นักธุรกิจชั้นนำของโลก ล้วนมี Mentor คอยให้คำแนะนำ Mentor ไม่ได้เหมือนกับวิทยากร เพราะไม่ได้สอนวิชา หรือ พูดให้แรงบันดาลใจ Mentor ไม่ได้เหมือนกับโค้ช ที่เน้นตั้งคำถาม แต่ไม่ได้ให้คำแนะนำ Mentor ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้างาน หรือคนที่ทำงานร่วมกับเรา   หน้าที่ของ Mentor คือ การให้คำปรึกษา แนะนำ รับฟังคนที่รับคำปรึกษา ซึ่งสามารถใช้ทักษะอื่นๆ มาร่วมเพื่อช่วยแก้ปัญหา ชี้แนะแนวทางให้คนรับคำปรึกษา ได้รับคำแนะนำในการวางแผน การแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เขากำลังเผชิญอยู่ โดยอาจจะมีการเล่าเรื่องให้เกิดแรงจูงใจแบบวิทยากร หรือการตั้งคำถามแบบโค้ชได้ 9 ตัวอย่างนักธุรกิจระดับโลก พร้อมรายชื่อเมนเทอร์ของเค้า 1. อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla และ SpaceX เมนเทอร์: Peter Thiel: นักลงทุนและผู้ประกอบการ Thiel เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และ Palantir Technologies เขาให้คำปรึกษาแก่มัสก์ในช่วงเริ่มต้นของ Tesla Jim Cantrell: วิศวกรและนักลงทุน Cantrell เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง SpaceX เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาจรวด Falcon 9 ของ SpaceX 2.  Richard Branson ผู้ก่อตั้ง Virgin Group เมน

การสร้างประสบการณ์: การขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศไทย   การสร้างประสบการณ์เป็นหนึ่งในภาระกิจสำคัญของการวางกำหนดการและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศ การแข่งขันในระดับนานาชาติไม่เพียงแต่เรื่องของความแข็งแกร่งทางทหารหรือการเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์และผลประโยชน์ที่ได้จากความน่าสนใจและประสบการณ์ที่ดีที่สร้างขึ้นจากประเทศในใจของคนทั่วโลก ประเทศไทยมีศักยภาพที่น่าทึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่ไม่มีที่ไหนเทียบเท่าได้ จากทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ถึงกับสามารถเป็นที่น่าสนใจและปลุกกระแสด้านวัฒนธรรมได้ในสถานที่ท่องเที่ยว แต่การสร้างประสบการณ์ที่ยั่งยืนและมีความหมายต่อที่ดินนี้ไม่ได้มีได้ง่าย จำเป็นต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบและเป็นวิชาชีพ หนึ่งในแนวทางสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่มีความยั่งยืนคือการกระตุ้นและส่งเสริมวัฒนธรรมและศิลปวัฒนธรรมของไทย โดยการสนับสนุนศิลปินและนักวาดระดับสากลให้ได้มีโอกาสสร้างผลงานในประเทศ การสร้างพื้นที่สำหรับการแสดงศิลปะและการแสดงโชว์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ที่ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยัง

⭐ยอดอานุภาพไม่มีประมาณของ..."พระคาถาเงินล้าน"✔️✔️✔️ ✏พระคาถาเงินล้าน..เรียกว่าเป็นสุดยอดพระคาถา มีหลักฐานที่มาของคาถายอดพุทธคุณไม่เคยมีปรากฎมาก่อน 🙏นับตั้งแต่ คาถาประทานโดย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง ๒ พระองค์คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และ พระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ ในภัทรกัปนี้) 🙏คาถาจากพระปัจเจกพุทธเจ้า สืบสายจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มอบแก่ลูกหลานโดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ท่านปู่พระอินทร์ ท่านย่าศรี ท่านพระเจ้าแม่มัทรี บริวารท้าวเวสสุวรรณนำคาถามาบอกหลวงพ่อ ก็มีประวัติปรากฎเกี่ยวข้องกับคาถาเกินจะกล่าวได้ทั้งหมด ✳ อานุภาพของพระคาถา ทั้ง ปัดอุปสรรค เหตุร้ายไม่เกิด เมตตา มหาลาภ ค้าขายดี เรียกเงินแสน,เงินล้าน เร่งลาภให้เร็วขึ้น ลาภไม่ขาดสาย เมื่อยกคาถาขึ้นสวดอำนาจพุทธคุณ ก็อาจทำให้ผู้สวดมีพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ทั้งกาย วาจา ใจ ก็มีเดช ดึงดูดเหนี่ยวนำแต่สิ่งดี ๆ ให้มาปรากฏ เป็นโชคลาภ เงินทอง ความสุข ความเจริญ และมีสุคติเป็นที่สุดก็เป็นได้.. 📌📌📌 เกร็ดที่มาคาถาเงินล้าน📌📌📌 💗 สัมปจิตฉามิ คาถาสนองกลับ เหตุร้ายไม่เกิด ภัยที่เขาจะ

CFA (Chartered Financial Analyst) และ CFP (Certified Financial Planner) เป็นประกาศนียบัตรที่เกี่ยวข้องกับวงการการเงินและการวางแผนการเงิน แต่มีความแตกต่างกันในบทบาทและลักษณะงานที่เน้น นี่คือความแตกต่างหลายประการ: ระดับความยากและเวลาที่ใช้: CFA: เป็นการศึกษาที่มีระดับความยากสูงและต้องใช้เวลามากกว่า เฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีในการสำเร็จการศึกษา CFA. CFP: ต้องใช้เวลาน้อยกว่า CFA และส่วนใหญ่ผู้เรียนจะสามารถทำการศึกษาและสอบผ่านภารกิจได้ในระยะเวลาสั้นกว่า CFA. เน้นที่ในงาน: CFA: มุ่งเน้นในด้านการวิเคราะห์การลงทุน, การจัดการพอร์ต, และการเงินทุน. CFP: มุ่งเน้นที่จะให้คำปรึกษาทางการเงินทั้งทางธุรกิจและส่วนบุคคล, การวางแผนการเงิน, และเตรียมการบริหารทรัพย์สินส่วนตัว. กลุ่มเป้าหมาย: CFA: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่วงการการเงินและการลงทุน, เช่น นักวิเคราะห์การลงทุน, ผู้จัดการพอร์ต, หรือผู้ดูแลกองทุน. CFP: เหมาะสำหรับผู้ทำงานในสายอาชีพทางการเงินที่ต้องการให้คำปรึกษาทางการเงิน, นักวางแผนการเงิน, และที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล. การเรียนรู้: CFA: การศึกษา CFA มีการเน้นที่ด้านทฤษฎีและการวิเคราะห์ที