วิเคราะห์งบ และกลยุทธ์ธุรกิจ CPALL 2024 แถลงงบสิ้นปี FY2024 วันที่ 28 กพ 2567

 



สรุปงบไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ CPALL เจ้าของร้านสิทธิสะดวกซื้อ 7eleven ในไทยลาวและกัมพูชา และทั่วโลก เอ๊ยไม่ใช่ เค้าไม่ได้ไปร่วมหัวซื้อหุ้นบริษัทแม่ จากที่มีข่าวว่าจะไปช่วยอุ้มบริษัทแม่ ผู้ถือหุ้นในไทยก็บอกว่า เดี๋ยวก่อนนนนนน ด้วการเทหุ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 

แต่วันนี้ตัวเลขออกมาแล้วเรามาดูเฉพาะตัวเลขผลประกอบการและขอเสริมมุมมองของธุรกิจค้าปลีก เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้บริหาร เจ้าของร้านค้าปลีก ที่จะดูตัวเลขแล้วนำไปประเมินกับของตัวเองดูเป็นตัวเทียบว่า เบอร์หนึ่งค้าปลีกแบบร้านสะดวกซื้อไทยทำได้แบบนี้เราเก่งกว่าหรือเจ๋งกว่าด้านไหน ด้านไหนต้องปรับปรุงบ้าง

 บริษัท ชีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงาน ประจำปี 2567 โดยฐานะการเงินและผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมาจากธุรกิจหลัก คือ 
(1) ธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ 
(2) ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า 
และ (3) ธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป ธุรกิจตัวแทนรับชำระค่าสินค้าและบริการ และธุรกิจจำหน่ายและซ่อมแซมอุปกรณ์ค้าปลีก 

โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้
รายได้รวม เป็นจำนวน 987,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.2 
กำไรสุทธิ 25,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.1 จากปีที่ผ่านมาตามลำดับ

จากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทุกหน่วยธุรกิจตามการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศที่ยังคงเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา

ด้านการเติบโตของธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อเครือข่ายร้านสาขา 7-Eleven บริษัทฯ บรรลุแผนขยายสาขา และมุ่งเน้นการส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าภายใต้สโลแกน “All Convenience” ผสมผสานระหว่างช่องทาง online และ offline โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศรวม 15,245 สาขา เพิ่มขึ้น 700 สาขาจากปีก่อน พร้อมช่องทางการขายและบริการบนแอปพลิเคชัน 7App ที่ให้บริการผ่าน 7Delivery และ All Online

(ข้างบนเมื่อกี๊คือข่าวจาก PR )



สรุปงบการเงิน CP ALL ไตรมาส 4 ปี 2567: ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง
จากข้อมูลในภาพสรุปผลประกอบการทางการเงินของ CP ALL ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 พบว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานและมีผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้:

ภาพรวมผลการดำเนินงาน (Consolidated Performance):

รายได้รวม: 257,732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1%
กำไรสุทธิ: 7,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% โอ้วววแม่เจ้าเราจะมาหากันว่าทำไมกำไรเพิ่มขนาดนี้
อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin): 22.9% เพิ่มขึ้น 10.1%
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin): 5.7% เพิ่มขึ้น 18.7%
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เท่านั้น (Company Only Performance):

รายได้รวม: 121,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1%
กำไรสุทธิ: 4,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.1%
อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin): 29.1% เพิ่มขึ้น 12.0%
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin): 5.9% เพิ่มขึ้น 21.9%

จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า CP ALL มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 โดยทั้งผลการดำเนินงานโดยรวมและผลการดำเนินงานเฉพาะของบริษัทฯ มีการเติบโตในทุกด้าน ทั้งรายได้รวม กำไรสุทธิ อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทฯ

ข้อสังเกต:

  • การเติบโตของกำไรสุทธิในอัตราที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้รวม บ่งชี้ถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
  • การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงาน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้น

สรุปผลประกอบการทางการเงินปี 2567

ภาพรวมผลการดำเนินงาน (Consolidated Performance):

  • รายได้รวม: 987,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2%
  • กำไรสุทธิ: 25,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.1%
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin): 22.6% เพิ่มขึ้น 10.3%
  • อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin): 5.2% เพิ่มขึ้น 19.5%

ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เท่านั้น (Company Only Performance):

  • รายได้รวม: 473,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1%
  • กำไรสุทธิ: 21,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.0%
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin): 29.0% เพิ่มขึ้น 13.0%
  • อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin): 7.1% เพิ่มขึ้น 25.6%

สรุป:

จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2567 โดยทั้งผลการดำเนินงานโดยรวมและผลการดำเนินงานเฉพาะของบริษัทฯ มีการเติบโตในทุกด้าน ทั้งรายได้รวม กำไรสุทธิ อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทฯ

ข้อสังเกต:

  • การเติบโตของกำไรสุทธิในอัตราที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้รวม บ่งชี้ถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
  • การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงาน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้น




สรุปผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจปี 2567 ที่มาของกำไรที่โตมากขึ้นเยอะ

ภาพนี้แสดงผลการดำเนินงานของ CP ALL ในปี 2567 แบ่งตามกลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่:

  • CPAXT (ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร)
  • CVS (ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น)
  • Others (ธุรกิจอื่นๆ)

1. สัดส่วนรายได้ก่อนตัดรายการระหว่างกัน (FY2024 Revenue contribution before elimination):

  • CPAXT: 48%
  • CVS: 45%
  • Others: 7%

รายละเอียดรายได้:

  • ค้าส่ง (Wholesale):
    • ยอดขาย: 273,491 ล้านบาท (+5.3%)
    • บริการ: 5,040 ล้านบาท (-5.3%)
  • ค้าปลีก (Retail):
    • ยอดขาย: 215,370 ล้านบาท (+4.3%)
    • บริการ: 14,844 ล้านบาท (-0.5%)

2. สัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี (EBT) ก่อนตัดรายการระหว่างกัน (FY2024 EBT contribution before elimination):

  • CPAXT: 57%
  • CVS: 31%
  • Others: 12%

รายละเอียดกำไรก่อนหักภาษี:

  • ค้าส่ง (Wholesale): 6,930 ล้านบาท (-7.4%)
  • ค้าปลีก (Retail): 6,484 ล้านบาท (+85.7%)

สรุป:

  • CPAXT: เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้และกำไรก่อนหักภาษีมากที่สุด แม้ว่ากำไรก่อนหักภาษีในกลุ่มค้าส่งจะลดลงเล็กน้อย
  • CVS: มีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกับ CPAXT แต่มีกำไรก่อนหักภาษีน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนหักภาษีในกลุ่มค้าปลีกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
  • Others: มีสัดส่วนรายได้และกำไรก่อนหักภาษีน้อยที่สุด

หมายเหตุ:

  • CP ALL ถือหุ้นใน CPAXT ประมาณ 60%
  • ข้อมูลนี้เป็นการแสดงผลการดำเนินงานก่อนตัดรายการระหว่างกัน ซึ่งอาจแตกต่างจากผลการดำเนินงานที่แสดงในงบการเงินรวม

ข้อสังเกต:

  • การเติบโตของกำไรก่อนหักภาษีในกลุ่มค้าปลีก (Retail) ที่สูงมาก อาจเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม
  • การลดลงของกำไรก่อนหักภาษีในกลุ่มค้าส่ง (Wholesale) อาจต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนการดำเนินงานในอนาคต




สรุปการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ CP ALL

ภาพนี้แสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ CP ALL ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024 โดยเน้นที่ 4 ตัวชี้วัดหลัก:

1. อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG %):

  • 2020: -14.5% (ลดลงอย่างมากเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19)
  • 2021: -6.7% (ยังคงลดลงแต่ลดลงน้อยกว่าปี 2020)
  • 2022: +15.9% (ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย)
  • 2023: +5.5% (เติบโตต่อเนื่อง)
  • 2024: +3.8% (ยังคงเติบโตแต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง)

2. ยอดขายเฉลี่ยต่อวันต่อสาขา (บาท):

  • 2020: 70,639 บาท
  • 2021: 66,085 บาท (ลดลง)
  • 2022: 76,327 บาท (เพิ่มขึ้น)
  • 2023: 80,837 บาท (เพิ่มขึ้น)
  • 2024: 83,906 บาท (เพิ่มขึ้น)

3. ยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จ (บาท):

  • 2020: 75 บาท
  • 2021: 82 บาท (เพิ่มขึ้น)
  • 2022: 84 บาท (เพิ่มขึ้น)
  • 2023: 83 บาท (ลดลงเล็กน้อย)
  • 2024: 85 บาท (เพิ่มขึ้น)

4. จำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อสาขาต่อวัน (คน):

  • 2020: 949 คน
  • 2021: 805 คน (ลดลง)
  • 2022: 916 คน (เพิ่มขึ้น)
  • 2023: 965 คน (เพิ่มขึ้น)
  • 2024: 978 คน (เพิ่มขึ้น)

สรุป:

  • การฟื้นตัวหลังโควิด: CP ALL ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วในปี 2022 และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • การเติบโตที่ชะลอตัว: อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในปี 2024 ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2023
  • ยอดขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น: ยอดขายเฉลี่ยต่อวันต่อสาขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสาขา
  • ยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จเพิ่มขึ้น: ยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จในปี 2024 เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
  • จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น: จำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อสาขาต่อวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความนิยมของร้านค้า


กลยุทธ์ที่ เซเว่นทำให้ยอดขายต่อบิลเยอะขึ้น มาจากการเล่นในแคมเปญต่างๆที่ลูกค้าทำยอดซื้อถึง 100 จะได้สิทธิต่างๆ อาทิ ได้สิทธิแลกซื้อ สินค้าพรีเมี่ยม ได้สิทธิชิงทองหมีเนย ได้สิทธิซื้อสินค้าราคาพิเศษ ลูกค้าที่ซื้อใกล้ถึง หลักร้อยจะพยายามเติมเพื่อได้ลุ้นทองเยอะมาก
และโปรโมชั่น 7 วัน ที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรีบตัดสินใจซื้อ แต่พนักงานเหนื่อยมากในการจำโปรโมชั่นทุกๆสัปดาห์ ^_^)'



ส่วนจำนวนลูกค้าเข้าต่อวันเยอะขึ้นคือการทำให้คนมาซ์้อต่อเนื่อง เช่น ภาระกิจซื้อข้างกล่องครอบห้ากล่องในหนึ่งสัปดาห์จะได้รับข้าวกล่องฟรี ทำให้คนเข้าบ่อยขึ้น 



สรุปส่วนผสมยอดขายผลิตภัณฑ์และอัตรากำไรขั้นต้นของ CP ALL นี่คือไฮไลท์ของปีเลย นะเนี่ย

1. ส่วนผสมยอดขายผลิตภัณฑ์ (Product Sales Mix):
ยอดขายมาจากสินค้าอะไรบ้าง มองจากท้องฟ้ามาก็รู้ว่าคนเข้าร้าน 7eleven มาเพื่อซื้ออาหารตามคำที่คุ้นเคย หิ้วเมื่อไหร่ก็แวะมา แต่ในทาการบริหาร บริษัทได้เปลี่ยน Product mix สินค้ามาระยะหนึ่งแล้ว เป็นร้านสะดวกทุกเรื่อง สินค้าหลากหลาย ทั้งออนไลน์ออฟไลน์ ทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น และสินค้าที่มี GP ดีมากขึ้นหลายอย่างเป็นตัวเร่งให้เกิดยอดกำไรที่สูง

  • ภาพรวม: กราฟแท่งแสดงสัดส่วนยอดขายระหว่าง "อาหาร" (Foods) และ "ไม่ใช่อาหาร" (Non-Foods) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • สัดส่วนยอดขายของ "ไม่ใช่อาหาร" เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 28.6% ในปี 2020 เป็น 76.0% ในปี 2024
    • สัดส่วนยอดขายของ "อาหาร" ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 71.4% ในปี 2020 เป็น 24.0% ในปี 2024 ในความเป็นจริงยอดขายอาหารไม่ได้ตก แต่เป็นสัดส่วนที่ตกลง เพราะสินค้าหมวดอื่นดีขึ้นเยอะมากๆ 
  • รายละเอียดกลุ่มผลิตภัณฑ์:
    • ไม่ใช่อาหาร: ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น ของใช้ส่วนตัว (Personal Care), ของใช้ในครัวเรือนและอื่นๆ (Household & Others), บุหรี่ (Cigarette)
    • อาหาร: ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น อาหารพร้อมทาน (Food Services i.e. RTE), อาหารแปรรูป (Processed Food), เครื่องดื่ม (Beverage)

2. อัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์ (Product Margin):

  • ภาพรวม: กราฟเส้นแสดงอัตรากำไรขั้นต้นของ "อาหาร," "ไม่ใช่อาหาร," และ "ผลิตภัณฑ์รวม" ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • อัตรากำไรขั้นต้นของ "ไม่ใช่อาหาร" สูงกว่า "อาหาร" อย่างต่อเนื่อง
    • อัตรากำไรขั้นต้นของ "ไม่ใช่อาหาร" เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024
    • อัตรากำไรขั้นต้นของ "อาหาร" ค่อนข้างคงที่ในช่วงปี 2020-2023 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2024
    • อัตรากำไรขั้นต้นของ "ผลิตภัณฑ์รวม" เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงปี 2020-2023 และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024

สรุป:

  • การเปลี่ยนแปลงส่วนผสมผลิตภัณฑ์: CP ALL มีการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมผลิตภัณฑ์ โดยเน้นการขาย "ไม่ใช่อาหาร" มากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า สินค้าที่ทำกำไรให้ได้มหาศาลนั่นคือ กลุ่ม Personal care สินค้าดังจากออนไลน์ลงสู่ตลาดออฟไลน์ นั่นเอง 
    เดี๋ยวนี้ใครเข้าเซเว่น จะเห็นครีมซอง เครื่องสำอางสะดวกซื้อเยอะมากๆๆๆๆๆ 
    นอกจากนั้นยังมีกลุ่มดาวรุ่งใหม่ๆ อาทิ สินค้าคนแก่ สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เติบโต ตามเทรนด์อีกด้วย
  • การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น: การเปลี่ยนแปลงส่วนผสมผลิตภัณฑ์ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น
  • การจัดการส่วนผสมผลิตภัณฑ์: บริษัทฯ มีการจัดการส่วนผสมผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น



สัดส่วนรายได้จากออนไลน์และ delivery สูงเป็น 11% ยังคงสม่ำเสมอเท่าเดิม โตขึ้นตามอัตรายอดขายรวม แสดงให้เห็นจุดอื่มตัวของ delevery แต่ยังมีโอกาสโตในด้านของ all online 


สรุปค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ของ CP ALL

1. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม (Consolidated SG&A Expense):

  • ภาพรวม: กราฟแท่งแสดงค่าใช้จ่าย SG&A รวม (ล้านบาท) และกราฟเส้นแสดงสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวม (%) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • ค่าใช้จ่าย SG&A รวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 107,858 ล้านบาทในปี 2020 เป็น 194,588 ล้านบาทในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
    • สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวม (%) ค่อนข้างคงที่ โดยอยู่ในช่วง 19.3% - 21.1%
  • รายละเอียดค่าใช้จ่าย:
    • ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร (Personnel) มีสัดส่วนมากที่สุด (32.5%)
    • ค่าเช่าและค่าเสื่อมราคา (Rental and D&A) มีสัดส่วน 13.4%
    • ค่าธรรมเนียมการจัดการร้านค้า (Store MGT Fee) มีสัดส่วน 10.4%
    • ค่าโฆษณา (Advertising) มีสัดส่วน 10.0%
    • ค่าสาธารณูปโภค (Utilities) มีสัดส่วน 14.5%
    • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (Others) มีสัดส่วนที่เหลือ

2. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทฯ เท่านั้น (Company Only SG&A Expense):

  • ภาพรวม: กราฟแท่งแสดงค่าใช้จ่าย SG&A ของบริษัทฯ เท่านั้น (ล้านบาท) และกราฟเส้นแสดงสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวม (%) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • ค่าใช้จ่าย SG&A ของบริษัทฯ เท่านั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 89,134 ล้านบาทในปี 2020 เป็น 126,982 ล้านบาทในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
    • สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวม (%) ค่อนข้างคงที่ โดยอยู่ในช่วง 26.8% - 28.2%
  • รายละเอียดค่าใช้จ่าย:
    • ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร (Personnel) มีสัดส่วน 27.9%
    • ค่าเช่าและค่าเสื่อมราคา (Rental and D&A) มีสัดส่วนมากที่สุด (20.1%)
    • ค่าธรรมเนียมการจัดการร้านค้า (Store MGT Fee) มีสัดส่วน 13.9%
    • ค่าโฆษณา (Advertising) มีสัดส่วน 8.3%
    • ค่าสาธารณูปโภค (Utilities) มีสัดส่วน 15.3%
    • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ (Others) มีสัดส่วนที่เหลือ

สรุป:

  • การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย SG&A: ค่าใช้จ่าย SG&A ทั้งในระดับรวมและระดับบริษัทฯ เท่านั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • การควบคุมต้นทุน: บริษัทฯ พยายามควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้รวมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • โครงสร้างค่าใช้จ่าย: โครงสร้างค่าใช้จ่าย SG&A มีความแตกต่างกันเล็กน้อยระหว่างระดับรวมและระดับบริษัทฯ เท่านั้น โดยค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าเช่า/ค่าเสื่อมราคามีสัดส่วนมากที่สุด

หมายเหตุ

SG&A ย่อมาจาก Selling, General & Administrative Expenses หรือ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร คือค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตสินค้าหรือบริการ ซึ่งรวมถึง:

  • ค่าใช้จ่ายในการขาย (Selling Expenses):
    • ค่าคอมมิชชั่นพนักงานขาย
    • ค่าโฆษณาและการตลาด
    • ค่าขนส่งและจัดส่ง
  • ค่าใช้จ่ายทั่วไปและบริหาร (General & Administrative Expenses):
    • เงินเดือนพนักงานฝ่ายบริหารและธุรการ
    • ค่าเช่าสำนักงาน
    • ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ ค่าไฟ)
    • ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและบัญชี
    • ค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์สำนักงาน

ความสำคัญของ SG&A

  • SG&A เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของบริษัท
  • การควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A อย่างมีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มกำไรสุทธิของบริษัทได้
  • นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทางการเงินใช้ SG&A เพื่อประเมินความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท

การวิเคราะห์ SG&A

  • การเปรียบเทียบ SG&A กับรายได้รวม เพื่อดูสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้
  • การเปรียบเทียบ SG&A กับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
  • การวิเคราะห์แนวโน้มของ SG&A ในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย


สรุปการแบ่งประเภทของร้านค้า CP ALL

1. การแบ่งตามพื้นที่ (BKK & Suburban / Provincial):

  • ภาพรวม: กราฟแท่งแสดงจำนวนร้านค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (BKK & Suburban) และต่างจังหวัด (Provincial) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • จำนวนร้านค้าในต่างจังหวัด (Provincial) มีสัดส่วนมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล (BKK & Suburban) อย่างต่อเนื่อง
    • จำนวนร้านค้าในทั้งสองพื้นที่เพิ่มขึ้นทุกปี
  • รายละเอียด:
    • BKK & Suburban: เพิ่มขึ้นจาก 5,431 ร้านในปี 2020 เป็น 6,435 ร้านในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 42%)
    • Provincial: เพิ่มขึ้นจาก 7,001 ร้านในปี 2020 เป็น 8,810 ร้านในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 58%)

2. การแบ่งตามรูปแบบการบริหาร (Corporate / Store Business Partner & Sub-area):

  • ภาพรวม: กราฟแท่งแสดงจำนวนร้านค้าที่บริหารโดยบริษัทฯ (Corporate) และร้านค้าที่บริหารโดยพันธมิตรทางธุรกิจและผู้รับช่วง (Store Business Partner & Sub-area) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • จำนวนร้านค้าที่บริหารโดยพันธมิตรทางธุรกิจและผู้รับช่วง (Store Business Partner & Sub-area) มีสัดส่วนมากกว่าร้านค้าที่บริหารโดยบริษัทฯ (Corporate) อย่างต่อเนื่อง
    • จำนวนร้านค้าในทั้งสองรูปแบบเพิ่มขึ้นทุกปี
  • รายละเอียด:
    • Corporate: เพิ่มขึ้นจาก 5,685 ร้านในปี 2020 เป็น 7,743 ร้านในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 51%)
    • Store Business Partner & Sub-area: เพิ่มขึ้นจาก 6,747 ร้านในปี 2020 เป็น 7,502 ร้านในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 49%)

3. การแบ่งตามลักษณะที่ตั้ง (Stand-alone / In PTT gas station):

  • ภาพรวม: กราฟแท่งแสดงจำนวนร้านค้าแบบ Stand-alone และร้านค้าที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. (In PTT gas station) ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • แนวโน้ม:
    • ร้านค้าแบบ Stand-alone มีสัดส่วนมากกว่าร้านค้าที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. (In PTT gas station) อย่างต่อเนื่อง
    • จำนวนร้านค้าในทั้งสองลักษณะเพิ่มขึ้นทุกปี
  • รายละเอียด:
    • Stand-alone: เพิ่มขึ้นจาก 10,608 ร้านในปี 2020 เป็น 13,084 ร้านในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 86%)
    • In PTT gas station: เพิ่มขึ้นจาก 1,824 ร้านในปี 2020 เป็น 2,161 ร้านในปี 2024 (เพิ่มขึ้น 14%)

4. การขยายสาขา (Store Expansion):

  • ภาพรวม: ตารางแสดงจำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2024
  • รายละเอียด:
    • ปี 2020: เพิ่มขึ้น 720 ร้าน
    • ปี 2021: เพิ่มขึ้น 702 ร้าน
    • ปี 2022: เพิ่มขึ้น 704 ร้าน
    • ปี 2023: เพิ่มขึ้น 707 ร้าน
    • ปี 2024: เพิ่มขึ้น 700 ร้าน

สรุป:

  • การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง: CP ALL มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบและทุกพื้นที่
  • การเติบโตในต่างจังหวัด: การเติบโตของร้านค้าในต่างจังหวัดมีอัตราสูงกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล
  • การเน้นร้านค้า Stand-alone: ร้านค้าแบบ Stand-alone ยังคงเป็นรูปแบบหลักในการขยายสาขา
  • การเติบโตอย่างสม่ำเสมอ: จำนวนร้านค้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีค่อนข้างสม่ำเสมอ
  • ใช้พลังของพันธมิตร : ในการเติบโต  SBP ที่คัดเลือกรุ่นใหม่ๆ ร้านค้าใหม่หน้าใหม่น้อยลงมากยกเว้นคนที่เป็นเจ้าของปั๊มปตท. ส่วนใหญ่ให้ร้านที่เป็น SBP เดิบขยายสาขา ส่วนร้านที่เป็นปั๊มน้ำมัน จะได้คนที่มีประสบกรณ์และความสามารถในการบริหารมาร่วมบริหาร โดยให้แรงจูงใจในสัดส่วนกำไรที่มากเป็นพิเศษ ตามดิลของ ปตท และ CPALL 

ข้อสังเกต:

  • ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจ CP ALL และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
  • การเพิ่มขึ้นของร้านค้าในต่างจังหวัดแสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น
  • การเพิ่มขึ้นของร้านค้าแบบ Stand-alone แสดงให้เห็นถึงความนิยมของร้านค้าที่ตั้งอยู่ภายนอกสถานีบริการน้ำมัน


ภาพรวม:

CP ALL มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ โดยมีวงจรเงินสดติดลบ ซึ่งหมายความว่าบริษัทฯ ได้รับเงินสดจากลูกค้าก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดให้กับเจ้าหนี้

1. ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง (อัตราส่วนทางการเงิน):

  • หนี้สินที่มีดอกเบี้ย:
    • CPALL มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยรวม 316,532 ล้านบาท (งบการเงินรวม)
    • โดยส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ (Debenture) 88% และเงินกู้จากธนาคาร (Bank Loan) 12%
    • เฉพาะบริษัทฯ มีหนี้สินจากหุ้นกู้ 100%
  • อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:
    • อยู่ที่ 0.78 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ 2.0 เท่า
    • แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดี
  • ต้นทุนเฉลี่ยของหุ้นกู้:
    • ต่ำกว่า 4% และมีอายุเฉลี่ยประมาณ 5 ปี
    • แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีการบริหารจัดการหนี้สินที่มีประสิทธิภาพ

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ:

  • ลองนึกภาพว่า CP ALL เหมือนบ้านที่มีเงินเก็บ (ส่วนของผู้ถือหุ้น) 319,611 ล้านบาท และมีหนี้สิน (หนี้สินที่มีดอกเบี้ย) 316,532 ล้านบาท
  • อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 0.78 เท่า หมายความว่าบริษัทฯ มีเงินเก็บมากกว่าหนี้สินที่ต้องจ่าย ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงทางการเงิน

2. การบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ (เงินทุนหมุนเวียน):

  • วงจรเงินสดติดลบ:
    • วงจรเงินสดรวมอยู่ที่ -32.6 วัน
    • วงจรเงินสดเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) อยู่ที่ -36.7 วัน
    • หมายความว่า CP ALL ได้รับเงินสดจากลูกค้าเร็วกว่าที่จะต้องจ่ายเงินสดให้กับเจ้าหนี้
  • จำนวนวันของเจ้าหนี้การค้า (AP Days):
    • สูงถึง 63.3 วัน (ระดับรวม) และ 60.7 วัน (CVS)
    • แสดงให้เห็นถึงอำนาจต่อรองของ CP ALL กับเจ้าหนี้

เปรียบเทียบให้เห็นภาพ:

  • ลองนึกภาพว่า CP ALL เหมือนร้านค้าที่ขายสินค้าได้เงินสดทันที แต่มีเวลาจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ (เจ้าหนี้) นานถึง 60 กว่าวัน
  • ทำให้บริษัทฯ มีเงินสดหมุนเวียนในมือมากขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป:

CP ALL มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงและมีการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนที่ดีเยี่ยม ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ภาพรวมผลประกอบการ (ปี 2567):

  • รายได้รวม: 987,794 ล้านบาท (+7.2%)
  • กำไรสุทธิ: 25,346 ล้านบาท (+37.1%)
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GP Margin): 22.6% (+10.3%)
  • อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBIT Margin): 5.2% (+19.5%)

ผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจ (ปี 2567):

  • CPAXT (ค้าส่งแม็คโคร):
    • สัดส่วนรายได้: 48%
    • สัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี (EBT): 57%
  • CVS (ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น):
    • สัดส่วนรายได้: 45%
    • สัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี (EBT): 31%

การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG):

  • ปี 2567: +3.8%
  • ยอดขายเฉลี่ยต่อวันต่อสาขา: 83,906 บาท
  • ยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จ: 85 บาท
  • จำนวนลูกค้าเฉลี่ยต่อสาขาต่อวัน: 978 คน

ส่วนผสมยอดขายผลิตภัณฑ์และอัตรากำไรขั้นต้น:

  • สัดส่วนยอดขาย "ไม่ใช่อาหาร" เพิ่มขึ้นเป็น 76.0% (ปี 2567)
  • อัตรากำไรขั้นต้น "ไม่ใช่อาหาร": 28.8% (ปี 2567)
  • อัตรากำไรขั้นต้น "อาหาร": 27.2% (ปี 2567)

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A):

  • งบการเงินรวม: 194,588 ล้านบาท (+8.2% YoY)
  • เฉพาะบริษัทฯ: 126,982 ล้านบาท (+9.6% YoY)

การแบ่งประเภทของร้านค้า:

  • ร้านค้าในต่างจังหวัด (Provincial) มีสัดส่วนมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล
  • ร้านค้าที่บริหารโดยพันธมิตรทางธุรกิจและผู้รับช่วง มีสัดส่วนมากกว่าร้านค้าที่บริหารโดยบริษัทฯ
  • ร้านค้าแบบ Stand-alone มีสัดส่วนมากกว่าร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.

อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร (งบการเงินรวม):

  • อัตรากำไรขั้นต้น: 22.6% (ปี 2567)
  • อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT): 5.2% (ปี 2567)
  • อัตรากำไรสุทธิ: 2.6% (ปี 2567)

อัตราส่วนทางการเงิน:

  • หนี้สินที่มีดอกเบี้ย: 316,532 ล้านบาท (งบการเงินรวม)
  • อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น: 0.78 เท่า

เงินทุนหมุนเวียน:

  • วงจรเงินสด: -32.6 วัน (งบการเงินรวม), -36.7 วัน (CVS)

คำแนะนำสำหรับเจ้าของธุรกิจค้าปลีก:

  • มุ่งเน้นการเติบโตของกำไร:
    • CP ALL แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำไรสุทธิ
    • เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการบริหารจัดการต้นทุน
  • บริหารจัดการส่วนผสมผลิตภัณฑ์:
    • CP ALL เน้นการขาย "ไม่ใช่อาหาร" ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า
    • เจ้าของธุรกิจควรวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายและปรับส่วนผสมผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าและอัตรากำไร
  • ควบคุมค่าใช้จ่าย:
    • ค่าใช้จ่าย SG&A เป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญที่ควรควบคุม
    • เจ้าของธุรกิจควรติดตามและวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาแนวทางในการลดต้นทุน
  • บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน:
    • วงจรเงินสดติดลบเป็นสัญญาณที่ดี แสดงว่าธุรกิจมีสภาพคล่องสูง
    • เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียน เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์:
    • การมีอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์จะทำให้ได้เครดิตการค้าที่ดี
    • เจ้าของธุรกิจควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ เพื่อให้ได้รับเงื่อนไขการค้าที่เหมาะสม


เครดิตข้อมูลจาก https://www.cpall.co.th/presentations

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลดหนังสือมานี มานะ ไฟล์ PDF ฟรี ขอบคุณ (ครูเชียงรายดอทเน็ต www.kruchiangrai.net)

รวมมุกขำขำ มุกตลก มุกงานเลี้ยง มุกพิธีกร

รับชำระเงินด้วย อาลีเพย์ (Alipay) และ วีแชทเพย์ (WeChat Pay) ทำยังไง