ธนาคารไทยยุค 4.0 อาจไปไม่ถึงไหนถ้าไม่ใส่ใจที่ลูกค้า

ทั้งธุรกิจธนาคารและธุรกิจต่างๆ  กลัว(โดนมอง)ตกเทรนด์วิ่งตามกระแสเทคโนโลยี นำเครื่องมือใหม่ๆเข้ามาใช้ ต่างพากันยกระดับองค์กรสู่ยุคดิจิตอล นำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาใช้สร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ส่งมอบให้กับลูกค้า แน่นอนว่าในองค์กรต่างๆจะเจอการพยายามนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น AI (Artificial intelligence) , Bigdata, Machine learning ,blockchain, eKYC

คำเหล่านี้จะถูกนำมาเสนอในแผนการลงทุนใหม่การทำงานใหม่เพื่อแสดงถึงการใส่ใจในเทคโนโลยี แต่หลายครั้งยังลืมสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าและความพอใจของลูกค้า

การนำเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธนาคารปัจจัยที่ต้องพิจารณา

เทคโนโลยีที่นำเข้ามาใช้ต้องเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า
ทำให้ลูกค้าใช้บริการและอยู่กับองค์กรให้ยาวนานขึ้น
Data-First ข้อมูลที่มีอยู่กับการนำเข้าข้อมูลใหม่ต้องเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
และพฤติกรรมของลูกค้าที่มาให้บริการกลุ่มต่างๆ พร้อมรับกับบริการแบบไหน

เจอเอกสารหนึ่งน่าสนใจของForrester
เอกสารนี้น่าสนใจสำหรับ คนที่กำลังวางแผนสำหรับการนำระบบใหม่ๆเข้ามาใช้จะเห็นมุมมองต่างๆตอนท้ายมีการขายของนิดหน่อยของเจ้าของเอกสารคือ Forrester

โดยสรุปสิ่งที่จะทำให้องค์กรไปได้ในอนาคต
คือการที่ต้องเลือกเทคโนโลยีที่นำมาสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ(ที่ดี)ให้กับลูกค้า โดยการพัฒนาระบบการทำงานภายใน ให้ข้อมูลแต่ละส่วนเชื่อมโยงกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต้นทุนต่ำลง บริการดีขึ้น










ตัวอย่างหนึ่งที่ดีในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในวงการธนาคาร

L/G blockchain KBank

สำหรับ แอลจี บล็อกเชน “พิพิธ อเนกนิธิ” กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ขยายความว่า เป็นครั้งแรกของโลก ที่นำบล็อกเชนมาใช้ในการออกหนังสือคั้าประกัน(L/G) เพื่อตอบโจทย์ทางการตลาดให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและเพื่อธนาคารกสิกรไทย

ทั้งนี้แต่ละปีจะมี L/G ออกประมาณ 5 แสนฉบับ ซึ่งมี ต้นทุนจัดการที่แพง และยังมีความไม่สมบูรณ์ในแง่การทุจริต
ธปท.ระบุสถิติการออกหนังสือคํ้าประกันของธนาคารไทยทั้งระบบปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านบาทเติบโต 8% จากปี 2559 อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ L/G เป็นกระดาษ 80% อีก 20% เป็นอิเล็กทรอนิกส์ แต่คาดอีก 2 ปีจะเหลือกระดาษ 65% อิเล็กทรอนิกส์ 35% และ 5% เป็นบล็อกเชนประมาณ 2 หมื่นฉบับ คาดว่ากสิกรไทยจะมีแชร์ปีนี้ 25% ซึ่งเป็นความท้าทาย

แอลจีบล็อกเชน” จึงเป็นการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนภาคลูกค้าที่สามารถสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา บล็อกเชนจะช่วยทำให้ข้อมูล เป็นระบบสร้างความน่าเชื่อถือ สามารถติดตามความเคลื่อนไหว และประสิทธิภาพของการทำงานจะดีกว่ามาก ซึ่งเป็นหัวใจหลัก

“สมคิด จิรานันตรัตน์” รอง ประธาน เคบีทีจี กล่าวว่า สิ่งที่กสิกรไทยดำเนินการคือปรับวิธีการออกL/G มาอยู่ในบล็อกเชน ขณะเดียวกันสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เช่นการจ่ายเงิน หรือแอลจีหมดอายุจะให้ทำอะไรโดยสามารถใช้บล็อกเชนกสิกรไทยผ่าน Origin Cert ซึ่งเป็นตัวเชื่อมและสามารถเห็น L/G ทั้งบล็อกเชนได้ ซึ่งสามารถนำสินค้าหรือบริการอีกมากมาอยู่ในบล็อกเชน

อาทิ กรมการปกครองนำข้อมูลบัตรประชาชนไว้ในบล็อกเชน ทำ ให้พิสูจน์ตัวบุคคลโดยไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ในการสมัครหรือรับบริการต่างๆ หรือกรมที่ดินนำโฉนด ที่ดินอยู่ในบล็อกเชนและข้อมูลเคลมประกันจะง่ายขึ้นหากโรงพยาบาลนำข้อมูลมาอยู่ในบล็อกเชน ขณะที่วอลมาร์ตนำบล็อกเชนมาใช้กับสัตว์หรือสินค้าเกษตร เหล่านี้จะ ทำให้รู้แหล่งผลิตและแหล่งสินค้า-บริการกระจายไปที่ไหนบ้าง กรณีเกิดโรคระบาดจะเห็นว่า บล็อกเชนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้

สำหรับธีมของกสิกรไทยต้องการทำให้เป็น Official Paper Less Platform สอดคล้องกับ Digital Economy แต่การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดนั้น ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน นโยบายรัฐบาล ที่จะผลักดัน และทุกคนเห็นประ โยชน์รวมทั้งประเทศชาติ สังคมไร้เงินสดจะทำให้ประเทศไทยเป็นไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างแท้จริง
ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/183108

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดาวน์โหลดหนังสือมานี มานะ ไฟล์ PDF ฟรี ขอบคุณ (ครูเชียงรายดอทเน็ต www.kruchiangrai.net)

รวมมุกขำขำ มุกตลก มุกงานเลี้ยง มุกพิธีกร

K-SME Analysis ธุรกิจชานมไข่มุก จากไต้หวัน